รายละเอียดเครื่องมือวัด
รหัสเครื่องมือวัด384
ชื่อเครื่องมือวัดแบบวัดการส่งเสริมความเป็นพุทธมามกะจากครอบครัว
งานวิจัยอ้างอิงลักษณะทางศาสนาและพฤติกรรมศาสตร์ ของเยาวชนไทย จากชุมชนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองในภาคใต้ . ปริญญานิพนธ์ วท.ม. (วิจัยพฤติกรรมศาสตร์ประยุกต์) กรุงเทพฯ : มศว.
ที่เก็บงานวิจัยหอสมุดกลาง ชั้น 4
หมายเลขเรียกหนังสือ153.8 ว266ล
คำสำคัญการส่งเสริม, พุทธมามกะ, ครอบครัว
ที่มาของเครื่องมือวัด พัฒนามาจาก
รายละเอียดที่มาของเครื่องมือวัด แบบวัดที่สร้างโดย ผศ.งามตา วนินทานนท์ (2536)
จุดประสงค์ในการสร้างเครื่องมือวัดเพื่อใช้ในงานวิจัย
รูปแบบการตรวจและการให้คะแนนRating Scale
รายละเอียดรูปแบบการตรวจและการให้คะแนนเป็นมาตรวัดประเมินค่า 6 ระดับ จากจริงที่สุด - ไม่จ
คุณภาพของเครื่องมือวัดนำไปทดลองใช้กับเยาวชนที่อาศัยในชุมชนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ที่คล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 92 คน
ความยาก วิธีการและพิสัยไม่ได้ทำการวิเคราะห์
อำนาจจำแนก วิธีการ และพิสัยใช้สถิติ T - test ที่ 27% อยู่ระหว่าง 4.97 - 9.01
ความเที่ยงตรง วิธีการ ดัชนีทั้งฉบับตรวจ Content Validity โดยกรรมการควบคุมปริญญานิพนธ์
ความเชื่อมั่นหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า เท่ากับ 0.90
กลุ่มเป้าหมายและกลุ่มตัวอย่างนักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่อาศัยอยู่ในชุมชนแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง จ.นครศรีธรรมราช ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2535 จำนวน 401 คน
เวลาในการใช้เครื่องมือไม่ได้ระบุในวิทยานิพนธ์
จุดประสงค์ของเครื่องมือวัดเพื่อวัดการส่งเสริมความเป็นพุทธมามกะ จากครอบครัว ซึ่งหมายถึงการรับรู้ของผู้ตอบ ว่าได้รับการปฏิบัติจากบิดามารดา (หรือผู้อบรมเลี้ยงดู) ด้วยการเอาใจใส่ ชักจูงตนให้เกิดความสนใจในการปฏิบัติตามหลักธรรมเบื้องต้นสำหรับพุทธศาสนิกชน คือการให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา เพียงใด บิดามารดาได้อธิบายและส่งเสริมให้เข้าใจถึง การปฏิบัติดังกล่าวมากน้อยเพียงใด ในด้านการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา
ตัวอย่างเครื่องมือวัด1. แม่ของฉันไม่มีเวลาพาฉันไปทำบุญที่วัด 2.แม่ของฉันใช้ไปซื้อเหล้าหรือเบียร์มาให้ 3.แม่ของฉันให้ฉันชมรายการปฏิบัติธรรมทางโทรทัศน์ ซึ่งมีเด็ก ๆ เข้าร่วมฝึกสมาธิด้วย 4.แม่ของฉันเรียกฉันให้มาร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส 5. แม่ของฉันเปิดเทปธรรมะให้ฉันฟังบ่อยครั้ง 6. แม่ของฉันให้ฉันช่วยเลือกซื้อและเตรียมสิ่งของใส่บาตรด้วยตนเอง 7.แม่ของฉันนำฉันรักษาศีล 5 ข้อ อย่างเคร่งครัดในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา 8. แม่ของฉันไม่กล้าทำผิดเพราะกลัวลูกจะเลียนแบบ 9. แม่ของฉันชักชวนให้ฉันลองฝึกนั่งภาวนาและสังเกตลมหายใจเข้าออก 10.แม่ของฉันนำฉันสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้านอนทุกคืน 11.แม่ของฉันไม่ให้ทำร้ายสัตว์แม้แต่มดหรือแมลงเล็ก ๆ 12.แม่ของฉันพูดให้ฉันเข้าใจสิ่งของที่ใส่บาตรอาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้ทำบุญ 13. แม่ของฉันชี้แจงให้ฉันคลายความโกรธและให้อภัยแก่เพื่อนที่เกเร 14.แม่ของฉันชี้แจงให้ลูกเข้าใจถึงบาป (ผลของการกระทำชั่ว) จากการทำผิดศีลข้อห้ามต่าง ๆ 15.แม่ของฉันไม่ทราบเรื่องของการรักษาศีลดีพอที่จะอธิบายให้ฉันเข้าใจได้ 16.ครอบครัวของฉันไม่เคยพูดคุยกันเรื่องทำสมาธิภาวนา 17. แม่ของฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องสมาธิภาวนา 18.แม่ของฉันบอกให้ฉันเข้าใจถึงความหมายหลักของบทสวดมนต์ 19. แม่ของฉันพยายามหาหลักฐานจากการบรรยายธรรมของพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงบางรูปมาอธิบายให้ลูกเห็นความสำคัญของการ สวดมนต์ทำสมาธิ 20. แม่ของฉันย้ำกับฉันเสมอว่า "เด็กยังไม่มีรายได้จึงไม่ควรบริจาคเงินหรือสิ่งของแก่ผู้ใด" 21. แม่ของฉันบอกว่าเกลียดชังคนที่พูดโกหกหลอกลวง 22.แม่ของฉันบอกฉันว่าการหัดทำสมาธิจะทำให้เรียนหนังสือเก่ง 23.แม่ของฉันแนะนำให้ฉันสังเกตสีหน้า สบายใจ และปลื้มปิติของบุคคลหลังจากการทำบุญ 24.แม่ของฉันพูดให้ฉันเข้าใจว่าคนที่รักษาศีลเป็นพวกที่ไม่ทันโลก 25. แม่ของฉันชมเชยฉันทุกครั้งที่ฉันแสดงความเอื้อเฟื้อ แบ่งปันสิ่งของให้พี่น้องหรือเด็กอื่น ๆ 26. แม่ของฉันยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความทุกข์ยากในชีวิตเพราะชอบดื่มสุราหรือเล่นการพนันให้ฉันฟัง 27. แม่ของฉีนชมเชยฉันที่สามารถพูดบิดเบือนจนพ้นจากการลงโทษของครูได้ 28. แม่ของฉันไม่สนับสนุนให้ฉันสวดมนต์ ทำสมาธิ เพราะจะทำให้ฉันเสียเวลาทบทวนบทเรียนโดยไม่จำเป็น 29.แม่ของฉันชอบยกตัวอย่างบุคคลที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้วประสบความสำเร็จในชีวิตให้ฉันฟัง 30.แม่ของฉันแสดงความพอใจทุกครั้งที่ฉันฝึกนั่งสมาธิ ______ ______ ______ ______ ______ ______ จริงที่สุด จริง ค่อนข้างจริง 1. แม่ของฉันไม่มีเวลาพาฉันไปทำบุญที่วัด 2.แม่ของฉันใช้ไปซื้อเหล้าหรือเบียร์มาให้ 3.แม่ของฉันให้ฉันชมรายการปฏิบัติธรรมทางโทรทัศน์ ซึ่งมีเด็ก ๆ เข้าร่วมฝึกสมาธิด้วย 4.แม่ของฉันเรียกฉันให้มาร่วมใส่บาตรพระสงฆ์ด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส 5. แม่ของฉันเปิดเทปธรรมะให้ฉันฟังบ่อยครั้ง 6. แม่ของฉันให้ฉันช่วยเลือกซื้อและเตรียมสิ่งของใส่บาตรด้วยตนเอง 7.แม่ของฉันนำฉันรักษาศีล 5 ข้อ อย่างเคร่งครัดในโอกาสวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา 8. แม่ของฉันไม่กล้าทำผิดเพราะกลัวลูกจะเลียนแบบ 9. แม่ของฉันชักชวนให้ฉันลองฝึกนั่งภาวนาและสังเกตลมหายใจเข้าออก 10.แม่ของฉันนำฉันสวดมนต์ไหว้พระก่อนเข้านอนทุกคืน 11.แม่ของฉันไม่ให้ทำร้ายสัตว์แม้แต่มดหรือแมลงเล็ก ๆ 12.แม่ของฉันพูดให้ฉันเข้าใจสิ่งของที่ใส่บาตรอาจถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของผู้ทำบุญ 13. แม่ของฉันชี้แจงให้ฉันคลายความโกรธและให้อภัยแก่เพื่อนที่เกเร 14.แม่ของฉันชี้แจงให้ลูกเข้าใจถึงบาป (ผลของการกระทำชั่ว) จากการทำผิดศีลข้อห้ามต่าง ๆ 15.แม่ของฉันไม่ทราบเรื่องของการรักษาศีลดีพอที่จะอธิบายให้ฉันเข้าใจได้ 16.ครอบครัวของฉันไม่เคยพูดคุยกันเรื่องทำสมาธิภาวนา 17. แม่ของฉันคิดว่าฉันเป็นเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องสมาธิภาวนา 18.แม่ของฉันบอกให้ฉันเข้าใจถึงความหมายหลักของบทสวดมนต์ 19. แม่ของฉันพยายามหาหลักฐานจากการบรรยายธรรมของพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงบางรูปมาอธิบายให้ลูกเห็นความสำคัญของการ สวดมนต์ทำสมาธิ 20. แม่ของฉันย้ำกับฉันเสมอว่า "เด็กยังไม่มีรายได้จึงไม่ควรบริจาคเงินหรือสิ่งของแก่ผู้ใด" 21. แม่ของฉันบอกว่าเกลียดชังคนที่พูดโกหกหลอกลวง 22.แม่ของฉันบอกฉันว่าการหัดทำสมาธิจะทำให้เรียนหนังสือเก่ง 23.แม่ของฉันแนะนำให้ฉันสังเกตสีหน้า สบายใจ และปลื้มปิติของบุคคลหลังจากการทำบุญ 24.แม่ของฉันพูดให้ฉันเข้าใจว่าคนที่รักษาศีลเป็นพวกที่ไม่ทันโลก 25. แม่ของฉันชมเชยฉันทุกครั้งที่ฉันแสดงความเอื้อเฟื้อ แบ่งปันสิ่งของให้พี่น้องหรือเด็กอื่น ๆ 26. แม่ของฉันยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความทุกข์ยากในชีวิตเพราะชอบดื่มสุราหรือเล่นการพนันให้ฉันฟัง 27. แม่ของฉีนชมเชยฉันที่สามารถพูดบิดเบือนจนพ้นจากการลงโทษของครูได้ 28. แม่ของฉันไม่สนับสนุนให้ฉันสวดมนต์ ทำสมาธิ เพราะจะทำให้ฉันเสียเวลาทบทวนบทเรียนโดยไม่จำเป็น 29.แม่ของฉันชอบยกตัวอย่างบุคคลที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัดแล้วประสบความสำเร็
[กลับหน้าค้นหางานวิจัย] [ กลับหน้าค้นหาเครื่องมือวัด] [ Back]