ทดสอบ 606อิทธิพลของสังคมต่อพัฒนาการของเด็ก                        ที่ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี(เล่ม 1)รายงานการวิจัยฉบับที่ 7 ผู้วิจัย จรรจา จินายน และคณะ ปีที่พิมพ์ 2509 วัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาองค์ประกอบด้านต่าง ๆ ได้แก่ องค์ประกอบของชุมชน โรงเรียน ครอบครัว และเด็กนักเรียนกับการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ ในโรงเรียน วิธีดำเนินการ คณะผู้วิจัยได้เลือกชุมชนตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล โดยเริ่มเข้าไปรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2503 - มีนาคม 2504วิธีการรวบรวมข้อมูลใช้วิธีการสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการกับหัวหน้าครอบครัว และผู้นำชุมชน ทั้งนี้มีการใช้แบบสอบถามการสัมภาษณ์3 แบบคือ แบบสัมภาษณ์ลักษณะครัวเรือนและภูมิหลังแบบสัมภาษณ์การปฏิบัติทางศาสนาและพิธีการต่าง ๆ และแบบสัมภาษณ์ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว สรุปผล ชุมชนตำบลนาป่าอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดชลบุรีประมาณ 6 - 8 กิโลเมตร ชาวบ้านมีอาชีพกสิกรรมแบบไร่นาสวนผสม คือ ทำนาเป็นอาชีพหลักและทำไร่มันสำปะหลัง มันแกว และมะพร้าวเป็นอาชีพรอง ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ เป็นแบบยังชีพเพื่อตนเองบางครอบครัวหากเหลือจากบริโภคจะขายให้กับพ่อค้าคนกลางที่มารับซื้อถึงหมู่บ้าน วัดและโรงเรียนยังมีความใกล้ชิดกันโดยที่วัดเป็นศูนย์กลางของชุมชนลักษณะของผู้นำจะต้องมีคุณสมบัติคือมีความอาวุโส เป็นเพศชาย และเป็นผู้มีฐานะเศรษฐกิจที่ดี หรือเป็นหัวหน้าทางศาสนาในชุมชนนั้นลักษณะของครอบครัวเป็นครอบครัวที่เริ่มต้นการสมรสแบบผัวเดียวเมียเดียว โดยจะอาศัยอยู่กับบิดามารดาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก่อนที่จะแยกไปอยู่ต่างหากซึ่งครอบครัวลักษณะเช่นนี้สมาชิกใหม่ที่เกิดขึ้นนอกจากได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากบิดามารดาแล้ว ยังได้รับอิทธิพลการถ่ายทอดขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อต่าง ๆ จากญาติ ๆ ที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน การใช้คำเรียกญาติที่มีเชื้อสายฝ่ายบิดาจะต่างจากญาติที่มีเชื้อสายจากฝ่ายมารดา ส่วนประกอบพิธีต่างๆ มักขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของความเชื่อต่าง ๆ 3 ประการได้แก่ คุณสมบัติทางจิตของมนุษย์คือ ขวัญและวิญญาณ สิ่งที่เหนือธรรมชาติคือ เทวดา และผีและองค์ประกอบด้านจริยธรรม-บุญและบาปคือ มาตรฐานความประพฤติว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ หมายเหตุ รายงานนี้เป็นรายงานเล่มที่ 1 ของการวิจัยเรื่องอิทธิพลของสังคมต่อพัฒนาการของเด็กที่ตำบลนาป่า อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ซึ่งบทที่ 1 เขียนโดย ดร.จรรจา จินายนและบทที่ 2 - 12 เรียบเรียงจากร่างต้นฉบับซึ่ง ดร.เอส เจ แทมไบอา เขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ